Test

สรุปผลการสัมมนานานาชาติ " กระบวนทัศน์ใหม่ของการพัฒนาที่อยู่อาศัยและเมืองใน ประเทศไทย” ทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทศวรรษหน้า

Author superadmin
Published superadmin 25 Oct 2017

 

การคหะแห่งชาติ ปิดการสัมมนานานาชาติ " กระบวนทัศน์ใหม่ของการพัฒนา ที่อยู่อาศัยและเมืองในประเทศไทย” ซึ่งจัดร่วมกับองค์กรพัฒนาเมืองระดับสากล PRCUD ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11-13 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าร่วมการสัมมนาจากหน่วยงานและภาคส่วนต่าง ๆ ประมาณ 1,400 คน ซึ่งผลสรุปที่ได้จะนำมาประยุกต์ใช้ และประสานความร่วมมือ กับภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้เกิดการบูรณาการด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยกับการพัฒนาเมืองอย่างสร้างสรรค์นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปในทศวรรษหน้า

 

การสัมมนาในครั้งนี้ เป็นการสัมมนาโต๊ะกลม โดยมีผู้เชี่ยวชาญนานาชาติจาก PRCUD และผู้เชี่ยวชาญจากประเทศไทยร่วมการอภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น วิธีการดำเนินการ เครื่องมือและกลไกต่างๆ ตลอดจนแนวทางการพัฒนาที่อยู่และพัฒนาเมืองอย่างกว้างขวางซึ่งผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิทั้งฝ่ายไทย และ PRCUD ล้วนมีความรู้และประสบการณ์การทำงานด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยและพัฒนาเมืองเป็นอย่างดี จึงร่วมกันอภิปราย เสนอแนะและให้ข้อคิดเห็น ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน ประเด็นที่ควรพิจารณา รวมทั้ง ข้อควรระวังในการนำแนวทางการดำเนินงานจากบทเรียนที่ได้รับจากหลาย ๆ ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เวียดนาม ทั้งมีการวิเคราะห์และสังเคราะห์เป็นอย่างดีใน 5 หัวข้อหลัก โดยมีบทสรุปข้อเสนอแนะในหัวข้อต่างๆ ประกอบด้วย

 

  1. 1. การพัฒนาเมืองและที่อยู่อาศัยตามแนวทางการพัฒนาตามโครงข่ายคมนาคมและโครงสร้างขั้นพื้นฐาน (Transit-Oriented Development หรือ TOD) โดย ที่ประชุมเสนอแนะให้ การเคหะแห่งชาติพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยบริเวณสถานีรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนโดยเร่งด่วน เพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน รวมทั้งพัฒนากลไกด้านการเงิน เช่น การอุดหนุนข้ามกลุ่มรายได้ (Cross - Subsidization) การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ธนาคารที่ดิน เป็นต้น สำหรับการพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนนั้น การเคหะแห่งชาติ ควรขยายอาณาเขตพื้นที่เพื่อให้เชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ควรขอเพิ่มการกำหนดสัดส่วนพื้นที่อาคารให้มีความหนาแน่น (FAR Bonus) จากผังการใช้ประโยชน์ที่ดินของกรุงเทพมหานครที่จะประกาศใช้เร็วๆนี้ พื้นที่ที่จะพัฒนาบริเวณๆ รอบสถานีรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนนั้นควรขยายอาณาเขตพื้นที่สถานีเพื่อจัดให้มีสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ พาณิชยกรรม สันทนาการ และสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ โดยรอบ สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติบริเวณใกล้สถานีฯควรจำกัดพื้นที่จอดรถ เพื่อส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยใช้ระบบขนส่งมวลชน พัฒนาพื้นที่ให้สามารถเดินเชื่อมต่อกันได้ รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือกับภาคเอกชนในการจัดให้มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีความสมดุลกับแหล่งงาน และเสนอให้ การเคหะแห่งชาติจัดทำโครงการนำร่อง

 

2. การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน(Public-PrivatePartnership หรือ PPP) เนื่องจากกฎหมายการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนจะมีการนำใช้ใน เร็วๆนี้ สำหรับการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในเรื่องที่อยู่อาศัยนั้นยังเป็นเรื่องใหม่ การเคหะแห่งชาติควรจะต้องทำความเข้าใจถึงบทบาท และธรรมชาติของธุรกิจอย่างถ่องแท้ เช่น การเจรจา การกำหนดราคา การอุดหนุนและภาษี ซึ่งการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนในระยะยาว ดังนั้น ภาครัฐและภาคเอกชนจะต้องมีความไว้วางใจซึ่งกันและกันในการดำเนินการ

 

3. การบริหารจัดการเพื่อรองรับภาวะอุทกภัยและการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ (Resilience form Flooding Climate Change) การเคหะแห่งชาติควรนำวิกฤต มหาอุทกภัยปี 2554 มาเป็นโอกาสในการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับปัญหาอุทกภัย การบริหารจัดการน้ำ เช่น การปรับปรุงทางน้ำ การจัดให้มีพื้นที่โล่งและเมืองสีเขียว การจัดให้มีสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และการออกแบบอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการมีส่วนร่วมในระดับชุมชน ผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนา สถาบันการเงิน รวมถึงองค์การระหว่างประเทศ เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการวางแผนชุมชนที่สามารถป้องกันน้ำท่วมได้ การเคหะ-แห่งชาติควรจัดทำโครงการนำร่องเพื่อแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับ และควรริเริ่มให้มีการรณรงค์และจัดทำแผนการส่งเสริมที่อยู่อาศัยและการพัฒนาเมืองสีเขียวสำหรับประเทศไทยในอนาคต

 

4. การเงินเพื่อที่อยู่อาศัย (Housing Finance and Affordability) ประเทศไทย มีความจำเป็นที่จะมีการจัดทำนโยบายที่อยู่อาศัย การเคหะแห่งชาติ ควรมีบทบาทในการกำหนดนโยบายที่อยู่อาศัยของประเทศ การก่อสร้างที่อยู่อาศัย หมายถึงการสร้างงาน และการจ้างงาน มีผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 10–15 การก่อสร้างที่อยู่อาศัย จึงมิใช่เป็นเรื่องของการจัดให้มีอุปทานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตั้งถิ่นฐาน และการจัดระเบียบชุมชนด้วย การเคหะแห่งชาติควรส่งเสริมให้ภาคเอกชนนำกิจการความรับผิดชอบต่อสังคม ของบริษัท สำหรับการจัดให้มีที่อยู่อาศัยแก่พนักงาน และลูกจ้าง และควรร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินให้มากขึ้น การเคหะแห่งชาติควรดำเนินการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยกลุ่มเป้าหมายที่มีระดับราคาต่ำกว่า 1,000,000. บาทบริเวณโดยรอบสถานีระบบขนส่งมวลชน ซึ่งภาคเอกชนยังไม่ได้ดำเนินการพัฒนา โดยนำเครื่องมือด้านการพัฒนากายภาพและการเงินมาปรับใช้

 

5. การพัฒนาเมือง การวางผังเมือง และการพัฒนาระบบบริการขั้นพื้นฐานของเมือง (Metropolitan Land Use and Infrastructure Planning) ปัจจุบันเมืองใหญ่ ของประเทศไทย เช่น กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีลักษณะค่อนข้างซับซ้อน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน จึงควรทำการศึกษาและทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และควรพิจารณาให้มีการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการลงทุนทั้งในส่วนสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ เพื่อนำมูลค่า ที่เพิ่มขึ้นนั้นมากระจายคืนสู่ภาคประชาชน ดังนั้น การเคหะแห่งชาติจึงควรเจรจากับกรุงเทพมหานครเพื่อขอเพิ่มอัตราความหนาแน่นของประชากรต่อพื้นที่ (FAR Bonus) ก่อนที่ผังการใช้ประโยชน์ที่ดินฉบับใหม่จะประกาศใช้ในเร็วๆ นี้ ปัจจุบันนโยบายการพัฒนาเมืองยังไม่มีความชัดเจน อาจจะต้องมีการพัฒนาถึงรูปแบบเมืองหลายศูนย์กลาง และเชื่อมโยงกันด้วยระบบขนส่งมวลชน

Visitors 240 views
Rates

Average0.00Score

Comment

0 Comment

RELATED DEPARTMENT

  • Banner ส่วนท้าย 1
  • Banner ส่วนท้าย 2
  • Banner ส่วนท้าย 3
  • Banner ส่วนท้าย 4
  • Banner ส่วนท้าย 5
  • Banner ส่วนท้าย 6
  • Banner ส่วนท้าย 7
  • Banner ส่วนท้าย 8
  • ศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยแห่งชาติ
  • ป้ายโฆษณา